กองทุนทองคำ เป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจในยุคที่เศรษฐกิจและการเมืองมีความผันผวน การลงทุนผ่านการซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในทองคำเป็นหลัก ช่วยให้นักลงทุนสามารถลงทุนในทองคำได้อย่างง่ายดาย
กองทุนทองคำคืออะไร?
กองทุนทองคำ (Gold Fund) คือ กองทุนที่นำเงินไปลงทุนในทองคำ แต่ไม่ได้ลงทุนโดยการไปซื้อทองคำแท่งมาเก็บไว้โดยตรง แต่จะลงทุนผ่านกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในทองคำเป็นหลัก ทำให้นักลงทุนเหมือนได้ลงทุนในทองคำแท่งทางอ้อม
เมื่อเราซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนทองคำ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จะนำเงินของนักลงทุนไปลงทุนในกองทุนหลักในต่างประเทศ ที่เน้นลงทุนในทองคำแท่งความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5% หรือ 99.99% การเคลื่อนไหวของมูลค่าหน่วยลงทุน จะสัมพันธ์กับความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลก ไม่ใช่ราคาทองรูปพรรณในประเทศ
- การลงทุนผ่านกองทุนทองคำเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุน เพราะใช้เงินลงทุนเริ่มต้นต่ำ
- กองทุนทองคำนั้น สามารถทยอยซื้อหน่วยลงทุนได้ ไม่ต้องซื้อทองคำทั้งแท่ง มีสภาพคล่องสูง ซื้อง่ายขายคล่อง ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปร้านทอง
- ไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดเก็บและความปลอดภัย เพราะมีผู้จัดการกองทุนที่เป็นมืออาชีพคอยบริหารกองทุนให้
- มีข้อควรระวัง คือ อาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย เนื่องจากกองทุนนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ
กองทุนทองคำจึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่อยากเก็บทองคำแท่งไว้เอง แต่ยังต้องการลงทุนในทองคำเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง เพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าการออมเงินในรูปแบบเดิม ๆ โดยไม่ต้องใช้เวลามากในการศึกษาและติดตามการลงทุน เนื่องจากมีผู้จัดการกองทุนเป็นมืออาชีพคอยดูแล อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนลงทุน เลือกกองทุนที่มีนโยบาย ความเสี่ยง และค่าธรรมเนียมที่เหมาะสมกับตนเอง และลงทุนอย่างมีวินัย สม่ำเสมอในระยะยาว เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา
กองทุนทองคำมีกำไรและความเสี่ยงมากแค่ไหน?
กำไรและความเสี่ยงของกองทุนทองคำ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งจากราคาทองคำในตลาดโลก อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา และสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งอาจส่งผลให้กองทุนมีความผันผวนได้
โอกาสในการทำกำไรจากกองทุนทองคำ มาจากราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น อันเนื่องมาจากความต้องการทองคำที่เพิ่มสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความต้องการ เพื่อเป็นเครื่องประดับ เพื่อใช้ในอุตสาหกรรม หรือเพื่อเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในยามที่เศรษฐกิจและการเมืองผันผวน เมื่อราคาทองคำปรับสูงขึ้น มูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนทองคำก็จะเพิ่มขึ้นตาม ทำให้นักลงทุนมีกำไรจากส่วนต่างของมูลค่าเงินลงทุน
- การลงทุนในกองทุนทองคำก็มีความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องคำนึงถึง โดยเฉพาะความผันผวนของราคาทองคำในตลาดโลก ที่อาจปรับตัวลดลงเมื่อภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น
- นักลงทุนมักจะเทขายทองคำเพื่อนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่น หุ้น
- ยังมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากกองทุนทองคำลงทุนในต่างประเทศ หากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ จะส่งผลให้ผลตอบแทนลดลงได้เช่นกัน
จึงกล่าวได้ว่า “กองทุนทองคำถือเป็นการลงทุนที่มีทั้งโอกาสในการทำกำไร และมีความเสี่ยงในระดับหนึ่ง แต่หากเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น หุ้น แล้ว กองทุนทองคำมักจะมีความผันผวนน้อยกว่า และยังเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดีในภาวะที่ตลาดการเงินผันผวน”
- เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลาง และต้องการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงิน แต่ต่ำกว่าการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น
แนะนำนักลงทุนควรจะจัดสรรเงินลงทุนในกองทุนทองคำประมาณ 5-10% ของพอร์ตการลงทุน เพื่อป้องกันความเสี่ยง และไม่ควรลงทุนในระยะสั้นเพราะจะได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาได้
ความแตกต่างระหว่างกองทุนทองคำและทองคำแท่ง
ข้อมูลสำคัญ |
ทองคำแท่ง |
กองทุนทองคำ |
1. ลักษณะการลงทุน |
ซื้อทองคำแท่งมาเก็บไว้เอง |
ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในทองคำแท่งผ่านกองทุนหลักในต่างประเทศ |
2. เงินลงทุนขั้นต่ำ |
สูง ต้องซื้อทองคำแท่งทั้งแท่ง |
ต่ำ สามารถทยอยซื้อหน่วยลงทุนได้ |
3. สภาพคล่อง |
ต้องนำทองคำแท่งไปขายเอง อาจเสียเวลาเดินทาง |
ซื้อง่ายขายคล่องผ่านบริษัทจัดการกองทุน ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง |
4. ความปลอดภัย |
ต้องจัดเก็บและดูแลรักษาเอง มีความเสี่ยงจากการสูญหาย |
มีผู้จัดการกองทุนที่เป็นมืออาชีพคอยดูแล ไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดเก็บและความปลอดภัย |
5. ความเสี่ยง |
จากการถูกโจรกรรม หรือความเสียหายของทองคำแท่ง |
จากความผันผวนของราคาทองคำในตลาดโลก และความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน |
6. ค่าธรรมเนียม |
ไม่มี |
มีค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการกองทุน |
7. ผลตอบแทน |
ขึ้นอยู่กับราคาทองคำในประเทศ ณ วันที่ขาย |
ขึ้นอยู่กับราคาทองคำในตลาดโลก และอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ขายคืนหน่วยลงทุน |
8. ภาษี |
ได้รับการยกเว้น หากถือครองเกิน 1 ปี |
ต้องเสียภาษีกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน |
9. ความสะดวกในการซื้อขาย |
ต้องไปซื้อขายด้วยตนเองที่ร้านทอง |
สามารถซื้อขายผ่านแอปพลิเคชันหรือระบบออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง |
10. การกระจายความเสี่ยง |
ลงทุนในทองคำเพียงอย่างเดียว |
สามารถกระจายความเสี่ยงไปยังทองคำในตลาดโลก และสินทรัพย์อื่น ๆ ที่กองทุนลงทุน |
11. ความรู้ในการลงทุน |
ต้องมีความรู้ในการประเมินคุณภาพและราคาของทองคำ |
ไม่จำเป็นต้องมีความรู้มาก เพราะมีผู้จัดการกองทุนเป็นผู้บริหารจัดการ |
12. ความยืดหยุ่นในการลงทุน |
ต้องลงทุนในทองคำแท่งเท่านั้น |
สามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนในทองคำและสินทรัพย์อื่น ๆ ได้ตามนโยบายของกองทุน |
13. การรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ |
ทองคำมักจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในภาวะเงินเฟ้อ |
มูลค่าหน่วยลงทุนอาจได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อ หากกองทุนมีการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ทองคำ |
14. การรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย |
ทองคำมักจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในภาวะเศรษฐกิจถดถอย |
มูลค่าหน่วยลงทุนอาจได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย หากราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวลดลง |
15. การเก็งกำไรระยะสั้น |
ทำได้ยาก เนื่องจากต้องมีการขนย้ายทองคำ และอาจมีค่าใช้จ่ายในการซื้อขาย |
ทำได้ง่ายกว่า เนื่องจากสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้อย่างรวดเร็วผ่านระบบออนไลน์ |
16. ความโปร่งใสในการลงทุน |
ขึ้นอยู่กับร้านค้าและผู้ขาย อาจมีความเสี่ยงจากการถูกหลอกลวง |
มีการเปิดเผยข้อมูลและรายงานผลการดำเนินงานของกองทุนอย่างสม่ำเสมอ นักลงทุนสามารถตรวจสอบได้ |
17. ความเชื่อมโยงกับราคาทองคำในตลาดโลก |
ราคาทองคำในประเทศอาจไม่ได้สะท้อนราคาในตลาดโลกอย่างทันที |
ราคาหน่วยลงทุนจะเคลื่อนไหวตามราคาทองคำในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด |
18. การป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน |
ไม่มีผลกระทบ เนื่องจากเป็นการลงทุนในประเทศ |
หากกองทุนไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ลงทุนอาจได้รับผลกระทบเมื่อค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น |
19. สินทรัพย์ที่ได้รับจากการลงทุน |
ได้รับทองคำแท่งมาครอบครอง |
ได้รับหน่วยลงทุนที่แสดงสิทธิในผลประโยชน์จากการลงทุนในทองคำ |
20. ความเหมาะสมสำหรับการลงทุนระยะยาว |
เหมาะสม เนื่องจากทองคำมักจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในระยะยาว และได้รับการยกเว้นภาษีเมื่อถือครองนาน |
เหมาะสม เนื่องจากการลงทุนในกองทุนทองคำเป็นการกระจายความเสี่ยงและมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว แต่อาจมีความผันผวนในระยะสั้นถึงปานกลาง |
ข้อดีของกองทุนทองคำ (Gold Fund)
- ลงทุนได้ง่าย: สามารถซื้อและขายหน่วยลงทุนได้สะดวกผ่านบริษัทจัดการกองทุน โดยไม่ต้องเสียเวลาไปซื้อขายทองคำแท่งด้วยตนเอง
- ใช้เงินลงทุนน้อย: สามารถเริ่มต้นลงทุนในกองทุนทองคำได้ด้วยเงินจำนวนไม่มาก และทยอยซื้อเพิ่มเติมได้ตามความสามารถในการลงทุน
- มีสภาพคล่องสูง: สามารถซื้อและขายหน่วยลงทุนได้อย่างรวดเร็วในแต่ละวันทำการ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บรักษาหรือขนย้ายทองคำแท่ง
- ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย: การลงทุนในกองทุนทองคำไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บรักษาหรือความปลอดภัยของทองคำแท่ง
ข้อเสียของกองทุนทองคำ (Gold Fund)
- มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน: กองทุนทองคำลงทุนในทองคำซึ่งซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ จึงมีความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
- มีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของกองทุน: กองทุนทองคำอาจมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการลงทุนได้ในอนาคต ซึ่งอาจส่งผลต่อผลตอบแทนและความเสี่ยงของนักลงทุน
- มีความเสี่ยงจากการดำเนินงานของกองทุน: แม้ว่ากองทุนทองคำจะบริหารจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากการดำเนินงานของกองทุน เช่น ความผิดพลาดในการตัดสินใจลงทุน
- ไม่มีสภาพคล่องในภาวะวิกฤติ: ในภาวะวิกฤติ การซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนทองคำอาจได้รับผลกระทบ ทำให้นักลงทุนไม่สามารถซื้อขายได้ตามต้องการ
- มีความซับซ้อนในการประเมินมูลค่าเมื่อเทียบกับการลงทุนในทองคำแท่ง: การประเมินมูลค่าและผลตอบแทนของกองทุนทองคำมีความซับซ้อนกว่าการลงทุนในทองคำแท่ง เนื่องจากต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมและนโยบายของกองทุน
สรุป
กองทุนทองคำเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลาง ต้องการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงิน แต่รับความเสี่ยงได้ต่ำกว่าการลงทุนในหุ้น และควรจัดสรรเงินลงทุนในกองทุนทองคำไม่เกิน 5-10% ของพอร์ตการลงทุน เพื่อป้องกันความเสี่ยงและกระจายการลงทุน โดยไม่ควรลงทุนในระยะสั้น เพราะอาจได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคา แต่เหมาะกับการลงทุนในระยะยาวเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดี
กองทุนทองคำจึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการกระจายความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนให้กับพอร์ตการลงทุนในระยะยาว หากนักลงทุนศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบ เลือกกองทุนที่มีนโยบายการลงทุน ระดับความเสี่ยง และค่าธรรมเนียมที่เหมาะสมกับตนเอง ก็จะสามารถใช้กองทุนทองคำเป็นส่วนหนึ่งในการวางแผนการลงทุนเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเงินในอนาคตได้